Graphic sensibility

Graphic sensibility คือ การมีสัญชาตญาณรับรู้ว่าสิ่งไหนถูกออกแบบมาโดย Designer

จะเกิดอะไรขึ้น หากมีคน นำเอาลายเส้นกราฟฟิค มาผสมกับรูปถ่าย คำตอบก็คือ เกิดเป็นผลงานรูปแบบใหม่ ไม่เหมือนใคร หรือเราเรียกในปัจจุบันว่า experiment art ในวงการกราฟฟิคถือว่าเป็น ความท้าทายมากเพราะผลลัพธ์ที่ออกมา จะเป็นงานที่สวยแปลกตา สร้างความตื่นตาตื่นใจได้เสมอ

Alberto Seveso เป็นนักออกแบบกราฟิกและ illustrator ชาวอิตตาลี ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่

สามารถ ผสมผสาน ลายเส้นเวคเตอร์ ในลักษณะ บอดี้เพ้นท์ลงบนตัวนางแบบได้อย่าง

น่าประหลาด โดยการทำงาน เขาเริ่มต้นจากถ่ายภาพนางแบบด้วยตัวเอง พร้อมกับร่างรูปแบบ

ลายเส้นเตรียมไว้ แล้วนำมาประกอบตกแต่งในโปรแกรม photosopอีกที โดยเทคนิคไม่มีอะไร มากมายขอแต่เพียงอาศัย ความอดทน ในการ ไดคัท ตัดแปะ ผสมกับความ creative เท่านั้น แต่ที่น่าทึ่งเพราะ ศิลปินคนนี้ ไม่ได้ผ่านการเรียนจากสถาบันใด มันมาจากการที่ใจรัก ในงานศิลปะโดยแท้ ทำให้เกิดแรงบัลดาลใจ ในการฝึกและสร้างสรรค์ผลงานออกมา

ปัจจุบัน ผลงานเขาได้ลงตีพิมพ์ลงบนปกแม็กกาซีนชั้นนำ ในหลากหลายประเทศอีกทั้ง

ยังได้แสดงผลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาได้สร้าง Digital Art โดยเน้น กายวิภาค เป็นส่วนใหญ่

จะเห็นได้ว่าการสร้างงานของเขา เกิดจากการที่เขาได้รวบรวมการถ่ายภาพนางแบบและ

นายแบบต่างๆ เพื่อนำมาสร้างลวดลายกราฟิกเข้าไปผสมผสานอย่างลงตัว ความแตกต่าง ในการที่มีลวดลายกราฟิกบนตัวนางแบบนี้ทำให้เกิด งานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ แปลกใหม่ไม่ธรรมดา มีเสน่ห์ ดึงดูด ต่อผู้ชมงาน ซึ่งถ้าเขาไม่ใส่ลายกราฟิกที่ถูกออกแบบเข้าไป ภาพเหล่านั้นก็จะเปรียบเสมือนภาพถ่ายธรรมดาทั่วๆไป โดยผลงานนี้ได้ถูกออกแบบมาทีหลัง

เพราะจากการที่มีภาพถ่ายอยู่แล้ว โดยมีการออกแบบลายการฟิกผสมผสานเข้าไปอย่างลงตัว

เพื่อเกิดเป็นผลงานที่แปลกใหม่ขึ้น

ได้อะไรจากการดู Objectfied?

ได้ทราบถึงระบบความคิดของนักออกแบบแต่ละคน ในการสร้างงานออกแบบ ว่ากว่าจะมาเป็นสิ่งของให้เราในกันมีระบบ

ความคิด การทดลอง ทดสอบอย่างไรกว่าที่นักออกแบบจะออกแบบได้แต่ละอย่าง ต้องคำนึงถึง ตั้งแต่วิธีคิด วิธีสร้าง

วิธีผลิตและนำไปใช้ จากนั้นต้องคิดต่ออีกว่า ถ้าผู้บริโภคเลิกใช้แล้วจะนำไป recycleอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้การที่นักออกแบบจะผลิดงานออกแบบ แต่ละชิ้นต้องคำนึงถึง ต้นทุนการผลิต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

และจะเห็นได้ว่านักออกแบบแต่ละคนมีทัศนคติอย่างไรต่อการสร้างงานออกแบบของตนเอง และผู้ร่วมงานที่จะร่วมกันสร้างงานออกแบบ

ซึ่งต้องผ่านกระบวนการอย่างไรบ้าง กว่าจะได้งานออกแบบแต่ละชิ้น

กิจวัตรและกิจกรรมต่างกันอย่างไร?

ในมุมมองและความคิดเห็นของแต่ละคน อาจจะมีความแตกต่างกันออกไป ถ้าเกิดมีการตั้งคำถามว่ากิจวัตรและกิจกรรมต่างกันอย่างไร คำตอบของแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกัน
ความแตกต่างของกิจวัตรและกิจกรรม ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของแต่ละคน เพราะมีปัจจัยสาเหตุ และตัวแปรเข้ามาควบคุม เป็นเหตุทำให้ กิจวัตรและกิจกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น
กิจวัตร คือ สิ่งที่ปฏิบัติควบคู่กับการดำเนินชีวิตเป็นประจำเหมือนเดิมทุกๆวัน คือ บ่อยครั้ง สม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราต้องปฏิบัติอย่างเคร่งคัดจนละเลยไม่ได้ เพราะกิจวัตรนั้นขึ้นอยู่กับวีถีทางการดำเนินชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนกิจกรรม คือ สิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน เพราะต้องมีเหตุให้ปฏิบัติซึ่งสามารถสอดแทรกอยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเลือกปฏิบัติได้โดยขึ้นอยู่กับ ปัจจัยต่างๆที่เข้ามาเป็นตัวควบคุม เช่น เวลา ความรู้สึก สถานที่ ฯลฯ
สรุป สิ่งที่แตกต่างระหว่างกิจวัตรและ กิจกรรม คือ ความบ่อยครั้งที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติ ไม่มีรูปแบบเฉพาะตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับวิถีทางการดำเนินชีวิตที่ต้องควบคู่กันไป

Consept และ Idea ต่างกันอย่างไร?

Consept คือ วิธีคิดหรือแนวความคิด

Idea คือ วิธีที่เราจะนำเสนอ ความคิด

ตัวอย่าง ฉันสนใจ “ไข่ไก่”

โดยความคิดริเริ่มของฉันมากจาก “ไข่ไก่”

“ไข่ไก่”จึงเป็น “Idea” “วิธีคิดทำให้สุก(โดยการเจียว)” เป็น “Consept”

ส่วน”ผล”ที่ได้ คือ “ไข่สุก (ไข่เจียว)” ข้อสนับสนุน ว่าทำไมต้องเจียวไข่ เพราะว่าไข่เจียวสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ โดยต้องทานทั้งไข่ขาว และไข่แดงพร้อมกันการที่มีคุณค่ามากกว่าอีกอย่าง คือ ถ้าเราใส่หมูและผัก ต่างๆ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการแล้วยังทำให้มีสีสันน่ารับประทานยิ่งขึ้น

โดยความแตกต่างระหว่างConsept และ Idea ต่างกันตรงที่

Consept คือ แก่น หรือแนวความคิด สามารถมีมากกว่าหนึ่งได้ (โดยเลือกแนวความคิดที่ดีที่สุดมาเป็น Consept)

ส่วน Idea คือ สิ่งที่เราจะนำเสนอ โดยต้องดูว่าต้องการสื่อสารกับใคร

และควรนำเสนอให้สื่อสารต่อกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการสื่อสาร

UDERSTANDING!!!

กิจวัตรและกิจกรรมต่างกันอย่างไร?
กิจวัตร คือ สิ่งที่ทำเป็นประจำเดิมๆเกือบทุกวัน ประจำ คือ บ่อยๆ สม่ำเสมอ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขาดไม่ได้ โดยกิจวัตรของฉันแบ่งออกเป็น 2 แบบ
คือ สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันโดยเลี่ยงไม่ได้ คือ การกิน การนอน
เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายของฉันต้องการ และสิ่งที่ทำเป็นประจำแต่เลี่ยงได้
คือ การอาบน้ำ ดูหนัง ฟังเพลง เพราะถ้าฉันไม่ทำสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนิน
ชีวิตของฉันมากกว่าเท่ากับการกิน การนอน ส่วนกิจกรรม คือ สิ่งที่ไม่ได้ทำเป็นประจำหรือมีเหตุต้องให้ทำ
ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเลือกปฏิบัติได้โดยขึ้นอยู่กับ ปัจจัยต่างๆ เช่น เวลา ความรู้สึก สถานที่ ฯลฯ
สรุป สิ่งที่แตกต่างระหว่างกิจวัตร กับ กิจกรรม ก็คือ ความบ่อยครั้งที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติ